Time | Description |
---|---|
05:30 | ปล่อยตัวนักวิ่ง 10 KM. |
05:40 | ปล่อยตัวนักวิ่ง 5 KM. |
ขอเชิญร่วมงานวิ่งเพื่อการกุศล
“ซีพีเอฟ – ศิษย์เก่าวิศวฯกำแพงแสน เดิน-วิ่งการกุศล 2018”
รายได้มอบเป็นทุนการศึกษา และสนับสนุนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
เหมาะสำหรับทุกสไตล์ ไม่ว่าการพักผ่อน หรือทำกิจกรรม ในรีสอร์ทมีครบทุกอย่าง สำหรับกระผมคือไปอยู่แล้วครบแทบไม่ต้องออกไปไหนเลย ส่วนอาหารก็ราคาสูงไปนิดครับแต่ถ้าทำใจยอมรับสำหรับการพักผ่อนก็ถือว่ารับได้
💰 ราคาเริ่มต้นคืนละ 1,453++ บาท
🌍 ที่อยู่ 99/1 หมู่ 9เลียบคลองชลประทาน อ.ดอนตูม, กำแพงแสน, นครปฐม, ประเทศไทย, 73150
มีที่จอดรถส่วนตัวที่มีหลังคาด้วยดีมาก ห้องสะอาด เป็นสัดส่วนดี มีช่องปลั๊กไฟเผื่อให้ลูกค้าใช้สะดวกดี ร้านค้าไม่ไกลมาก สะดวก
💰 ราคาเริ่มต้นคืนละ 816++ บาท
🌍 ที่อยู่ 199 Moo 2, Soi กำแพงแสน, นครปฐม, ประเทศไทย, 73140
ห้องพอใช้ได้ค่ะ อาหารเช้าถือว่าพอใช้ได้ แต่สะดวกถ้ามาตีกอล์ฟ เพราะ โรงแรมรั้วติดกับสนามเลย
💰 ราคาเริ่มต้นคืนละ 1,387++ บาท
🌍 ที่อยู่ 888 หมู่ 2ต ไผ่หูช้าง อำเภอ บางเลน จังหวัดนครปฐม 73130, บางเลน, นครปฐม, ประเทศไทย, 73130
ลุงโฮ เฝอหม้อไฟ ร้านอาหารเวียดนามขวัญใจชาวกำแพงแสน จุดเริ่มต้นเกิดจากเจ้าของร้านมีโอกาสได้ไปกินเฝอของเวียดนามถึงดินแดนต้นตำรับแล้วติดใจ จึงได้นำมาปรับปรุงพัฒนาจนเป็นเมนูเฝอหม้อไฟสไตล์ตัวเอง
เด็ดด้วยน้ำซุปกระดูกหมู ที่ใช้กระดูกส่วนสะโพกมาเคี่ยวจนได้ซุปรสกลมกล่อม เลือกอร่อยได้ทั้งชุดหมู ชุดเนื้อ และชุดทะเล อัดแน่นวัตถุดิบชั้นดีมาแน่นๆเน้นๆ เต็มๆถาด ในราคาเบาๆ จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักเรียน นักศึกษา และผู้คนย่านกำแพงแสน
อันดับ 3 ทับทิมกรอบ (30 บาท)
อันดับ 2 แหนมเนือง (149 บาท)
อันดับ 1 เฝอหม้อไฟ ชุดหมู (179 บาท) เพิ่มหมูห่อชีส (79 บาท) และ หมูเด้งทรงเครื่อง (25 บาท)
พิกัด : ริมถนนมาลัยแมน ฝั่งตรงข้ามหน้า ม.เกษตรฯ กำแพงแสน
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00- 22.30 น.
MaxBeef Steak House เป็นร้านขึ้นชื่อในเมนูสเต็กเนื้อ เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของสหกรณ์เครือข่ายโคเนื้อ ที่คัดสรรเนื้อโคขุนคุณภาพดี ที่ถูกเลี้ยงโดยชาวบ้านในพื้นที่กำแพงแสน มาทำเป็นสเต็กและเมนูเด็ดต่างๆ
นอกจากเมนูเนื้อ ที่นี่ยังมีสเต็กหมู ไก่ ปลา อาหารไทยและอิตาเลียน ไปจนถึงสลัดผักออร์แกนิกต่างๆ ให้เลือกทาน ด้วยคุณภาพชั้นดีในราคาที่ย่อมเยากว่าร้านทั่วๆไป
บรรยากาศก็ดี๊ดี ร้านอยู่ในโซน Cowboy Land ภายใน ม.เกษตร กำแพงแสน ซึ่งเป็นโซนสำหรับทำปศุสัตว์ มีฟาร์มม้า ฟาร์มวัว ทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ และเป็นที่ตั้งของร้าน
อันดับ 3 สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล (150 บาท) – เผ็ดครบเครื่อง เน้นรสชาติขี้เมาแบบไทยๆ ใส่กุ้งและปลาหมึก
อันดับ 2 สเต็กหมูพริกไทยดำ (180 บาท) – ใช้หมูสันนอกมาหมักข้ามคืนด้วยพริกไทยดำ เนื้อจะนุ่มและเครื่องปรุงเข้าเนื้อ
อันดับ 1 สเต็กเนื้อริบอาย (460 บาท) – เนื้อที่นี่จะไม่หมัก เพื่อให้คงรสชาติที่ดี หวานฉ่ำของเนื้อเอาไว้
พิกัด : อยู่ในโซน Cowboy Land ใกล้ๆ กับคณะวิศวฯ เครื่องจักรกล เกษตร ม.เกษตร กำแพงแสน
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.
Chinu Coffee คาเฟ่ในบรรยากาศบ้านหลังเล็กสุดอบอุ่น โอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ และเรือนกระจกสวยๆแห่งนี้ เกิดขึ้นจากคู่รักชาวกำแพงแสน ที่รักและชื่นชอบการดื่มกาแฟ และปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะต้นกระบองเพชร จึงเลือกที่จะเปิดคาเฟ่ในคอนเซ็ปต์ Greenhouse ให้ทุกคนได้แวะมานั่งพักผ่อนชิลล์ๆ โดยในร้านมีเมล็ดกาแฟชั้นดีให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งของไทยและต่างประเทศ สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้คอกาแฟได้ลิ้มลองอยู่ตลอด
เป็นร้านที่ชิลล์จริงๆ เพราะใน 1 ปี จะมีช่วงปิดร้าน 2 เดือน ประมาณเดือนธันวา-มกรา ที่มหาวิทยาลัยปิดเทอม เพื่อเจ้าของร้านจะออกเดินทางท่องเที่ยวหาแรงบันดาลใจ แล้วค่อยกลับมาเปิดร้านใหม่อีกครั้ง
อันดับ 3 สตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก มิลค์เชค (109 บาท)
อันดับ 2 วาฟเฟิลเซต (M 99 บาท / L 139 บาท)
อันดับ 1 โรตีเซตไอศกรีม (75 บาท)
พิกัด : ในซอยฝั่งตรงข้ามม.เกษตร กำแพงแสน (ใกล้ๆ กับหอพักบ้านแก้วเรือนขวัญ)
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. (หยุดทุกวันพุธและวันเสาร์)
ขุนเดช หรือที่ผู้คนย่านกำแพงแสนรู้จักกันในชื่อ “ซุ้มยาดองขุนเดช” เป็นร้านอาหารตามสั่งที่โด่งดังประจำย่านนี้มากว่า 20 ปี เคล็ดลับความอร่อยของร้านนี้อยู่ที่ความใส่ใจในการคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ จัดเตรียมวันต่อวัน ก่อนนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันจานต่อจาน จนได้อาหารจานเด็ดที่ทางร้านกล้ารับประกันความอร่อย หากชิมแล้วไม่ถูกใจยินดีเปลี่ยนให้ทันที เรียกว่ารสชาติถึงเครื่อง บริการก็ถึงใจแบบนี้ ก็เอาใจคนย่านนี้ไปเลย
เห็นเป็นร้านริมถนนง่ายๆแบบนี้ ขายดีไม่ธรรมดา ช่วงเย็นโต๊ะเต็มตลอด ถึงขั้นต้องรอคิว เมื่อก่อนร้านนี้จะมีซุ้มยาดองมาตั้งขายอยู่หน้าร้าน คนย่านกำแพงแสนก็เลยเรียกกันติดปากว่า ร้าน “ซุ้มยาดองขุนเดช” แต่ชื่อร้านจริงๆคือ “ขุนเดช” เฉยๆ
อันดับ 3 ข้าวผัดขุนเดช (60 บาท) – ข้าวผัดใส่หอยลายกระป๋อง เครื่องเคียง คือ พริกขี้หนูซอย และ มะนาว สำหรับกินคู่กันเพื่อตัดรสหวานของหอยลาย
อันดับ 2 แกงเผ็ดเป็ดย่าง (80 บาท) – ใช้เป็ดย่างที่ย่างจนหอม หนังไม่มันมาก มาแกงกับเครื่องพริกแกง ใส่ใบโหระพา ใบมะกรูด กระชาย และเติมความหวานด้วยนมสด
อันดับ 1 กุ้งแช่น้ำปลา (100 บาท) – เมนูยอดนิยม แต่ละวันถ้าหมดแล้วหมดเลย เพราะใช้แต่วัตถุดิบสดใหม่ ซื้อมาเท่าไหร่ขายเท่านั้น / ใช้กุ้งขาวมาล้างให้สะอาดจนไม่มีกลิ่นคาว ก่อนนำไปแช่แข็งให้เนื้อกุ้งเด้ง เมื่อมีคนสั่งจึงนำออกมาปรุงด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด ใส่พริกขี้หนู กระเทียม พริกไทย และน้ำมะนาวคั้นสด
พิกัด : ในซอยสุขสำราญ ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร กำแพงแสน
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 15.00-23.00 น.
กำแพงแสนโภชนา เป็นร้านที่อยู่คู่เมืองกำแพงแสนมานานกว่า 50 ปี จุดเริ่มต้นของร้านนี้ขายขาหมูพะโล้มาก่อน โดยทำฟาร์มเป็ดควบคู่ไปด้วย จึงได้ทดลองนำเป็ดมาทำเป็นเมนูเป็ดพะโล้ เป็ดย่างอบน้ำผึ้ง และข้าวหน้าเป็ดขาย ปรากฏว่าขายดิบขายดีแซงหน้าขาหมูไปเลย
นอกจากความอร่อยแบบต้นตำรับที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว ก็ยังมีการพัฒนาคิดค้นสูตรใหม่ๆออกมาตลอดเวลา ทำให้ความนิยมของร้านนี้ไม่เคยลดน้อยลง มีแต่เพิ่มขึ้น มาจนถึงปัจจุบัน เคล็ดลับความอร่อย..เป็ดร้านนี้ ใช้เป็ดเชอร์รี่ อายุ 40 กว่าวัน เนื้อและหนังจะไม่เหนียว เวลาที่นำมาหมักกับเครื่องต่างๆจะเข้าเนื้อได้ดี
อันดับ 3 บะหมี่หยกเป็ดย่าง แห้ง (ธรรมดา 55 บาท / พิเศษ 75 บาท) – ใช้เส้นบะหมี่สไตล์เกาหลี จะเหนียวนุ่ม ไม่อืดง่าย
อันดับ 2 เป็ดพะโล้ (ครึ่งตัว 230 บาท / ตัวละ 450 บาท) – นำเป็ดมาตุ๋นกับเครื่องพะโล้เข้มข้น และเครื่องยาจีนกว่า 10 ชนิด นานชั่วโมงกว่าๆ
อันดับ 1 เป็ดย่างไฟแดงหมักไวน์ (ครึ่งตัว 250 บาท / ตัวละ 500 บาท) – นำเป็ดมาหมักด้วยไวน์แดง เครื่องเทศและเครื่องยาจีนกว่า 8 ชนิด ทิ้งไว้ข้ามคืน ก่อนนำมาอบนาน 2 ชั่วโมง / การหมักไวน์แดงจะทำให้เนื้อเป็ดนุ่มกว่าที่อื่น
พิกัด : ริมถนนมาลัยแมน
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน เวลา 08.30-15.00 น.
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://travel.trueid.net/detail/
จาก กรุงเทพฯ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
จาก กรุงเทพฯ ใช้ ถนนเพชรเกษม ( ทางหลวงหมายเลข 4 ) มุ่งหน้าสู่ จังหวัดนครปฐม จากนั้น ขับตรงไป มุ่งหน้าสู่ จังหวัดราชบุรี
จาก กรุงเทพฯ ใช้ ถนนบรมราชชนนี หรือ ชื่อเก่า คือ ถนนปิ่นเกล้า - นครชัยศรี ( ทางหลวงหมายเลข 338 ) มุ่งหน้าสู่ จังหวัดนครปฐม จากนั้น ขับตรงไป มุ่งหน้าสู่ จังหวัดราชบุรี
ทั้งสองเส้นทางด้านบนจะต้องผ่าน หลักกิโลเมตรที่ 43 ถนนเพชรเกษม