Facebook : https://www.facebook.com/KILORUN/
ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม หนึ่งในเมืองหลวงที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์มากที่สุุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความวุ่นวายบนท้องถนนกลับกลายเป็นเอกลักษณ์ของฮานอยไปซะงั้น บ้านเมืองเต็มไปด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลเรียงรายทั้งสองข้างทาง บ่งบอกถึงร่องรอยที่เคยเป็นเมืองอาณานิคมของฝรั่งเศสและจีน มีทั้งความวุ่นวาย แต่ก็เงียบสงบในคราวเดียวกัน การมาเที่ยวฮานอยจึงเหมือนกับการได้มาสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรมของย่านเมืองเก่าและความทันสมัยของเมืองหลวงที่มีแต่เสียงแตรและมอเตอร์ไซค์ดังแทบจะทุกๆวินาที
ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้ซะแล้ว เพราะอ่าวฮาลองเบย์ถือได้ว่าเป็นพระเอกของงานนี้เลยก็ว่าได้ ภาพของเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากน้ำสีเขียวมรกตมากถึง 1,969 เกาะ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร แถมบางเกาะยังมีถ้ำขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ เราจึงได้ทั้งนั่งเรือชมทัศนียภาพอันงดงามเหล่านี้ พร้อมกับสำรวจถ้ำเพื่อชมหินงอกหินย้อย พายเรือคายัค และปีนหน้าผา
สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ก็ลองไปที่เที่ยวชื่อดังอย่าง ถ้ำเด่าโก๋ (ถ้ำใหญ่ที่สุดในอ่าว), เกาะกั๊ตบา (เกาะขนาดใหญ่สุดในอ่าวที่มีหาดทรายสวยและหมู่บ้านชาวประมง), และไนท์มาร์เก็ตฮาลองเบย์ (แหล่งรวมชอปปิง มีทั้งร้านอาหาร บาร์ชิคๆ ร้านขายของฝาก และตลาดโต้รุ่ง) ด้วยความสวยงามแปลกตาของสิ่งที่ธรรมชาติรังสรรค์เหล่านี้ ทำให้อ่าวฮาลองเบย์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 นับว่าเป็นมรดกโลกแห่งแรกๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยนะเนี่ย
หากเราลองนั่งรถออกมาจากตัวเมืองฮานอยประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็จะเจอกับเมืองนิงห์บิงห์ เมืองที่มีความพิเศษทางธรรมชาติ ภูมิทัศน์สวยงามแปลกตา มีสถานที่ขึ้นชื่ออย่าง ตามก๊อก (Tam Coc) หรือถ้าจะเรียกว่า ฮาลองบนบกของเวียดนาม ก็ดูจะไม่ผิดนัก เพราะที่นี่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่กว่า 99 เขาตั้งรายล้อมเหล่าทุ่งนาสีเขียวขจีหรือเหลืองอร่ามตามแต่ละฤดูกาล มีแม่น้ำโงดงไหลผ่านคดเคี้ยวไปตามแนวของทุ่งนาจนลับตา
ดังนั้น การมาล่องเรือชมธรรมชาติที่ตามก๊อกจึงเหมือนการได้มาชาร์จพลังแบบเต็มเปี่ยม ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอด มองดูความเขียวขจีของนาข้าว ปล่อยใจชิลๆไปพร้อมกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ แค่คิดก็ฟินสุดๆแล้ว
ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หรือที่รู้จักกันในนาม ลุงโฮ เป็นผู้นำที่ชาวเวียดนามให้ความเคารพรักมาก เมื่อปี ค.ศ. 1945 ลุงโฮได้อ่านคำประกาศอิสรภาพของเวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเมืองที่มาชุมนุมที่จตุรัสแห่งนี้กว่า 500,000 คน ต่อมาเมื่อท่านได้เสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1969 ร่างของลุงโฮได้ถูกดองไว้และนำไปเก็บไว้ที่สุสานโฮจิมินห์แห่งนี้ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของลุงโฮที่อยากจะให้เผาร่างแล้วนำเถ้าถ่านและอังคารไปบรรจุไว้ที่ภาคกลางใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือของประเทศ
การจะเข้าเยี่ยมชมสุสานโฮจิมินห์นั้นจะต้องมีความสำรวมมาก ทั้งห้ามทานอาหาร ห้ามเอามือล้วงกระเป๋า ห้ามส่งเสียงดัง และไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในนั้นด้วย ถึงแม้คนจะเยอะหน่อย แต่ก็มีการจัดคิวให้ค่อยๆทยอยเข้าไปพร้อมระเบียบที่ว่าเมื่อเดินเข้าไปดูภายในสุสานแล้วห้ามหยุดเดินเป็นอันขาด คนที่มาเยือนต่างก็กวาดสายตามองไปที่ร่างของท่านโฮจิมินห์ที่นอนนิ่งอยู่ในโลงแก้ว ผู้นำอันเป็นที่รักของชาวเวียดนามทั้งประเทศ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : https://blog.bangkokair.com
ร้านดั๊กกิมนี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำบุ๋นจ่า (Bun cha) หรือหมูย่างเวียดนาม รับประทานคู่กับขนมจีนนั่นเอง ในชุดของบุ๋นจ่ามักมีปอเปี๊ยะทอดไส้ปู (nem cua be) เสิร์ฟมาพร้อมกันด้วย
แม้เมนูนี้จะหาได้ง่ายทั่วไปในฮานอย แต่ไม่มีร้านไหนเด็ดดวงเท่าดั๊กกิมแน่นอน ร้านนี้จะมีให้เลือกทั้งแบบหมูชิ้นย่าง และหมูสับย่าง ที่สำคัญปอเปี๊ยะทอดไส้ปูร้านนี้อัดแน่นเนื้อปูแบบเน้นๆ ด้วย
ใครที่อินกับเรื่องราวของทหารเวียดกง ต้องไปที่ร้านกงคาเฟ่ ทั้งร้านตกแต่งในธีมค่ายทหารเวียดกง กึ่งๆ นั่งชิลอยู่ในบังเกอร์ยังไงยังงั้น พร้อมกับเมนูกาแฟที่มีความแปลกใหม่หลากหลายกว่าที่อื่น เช่นกาแฟโยเกิร์ต กาแฟกะทิ ฯลฯ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://travel.trueid.net